วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทความ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ SSCS

                           เรื่อง การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์    โดยใช้รูปแบบ SSCS
 
                      หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน   พุทธศักราช  2551    การจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้   คุณธรรม   และมีจริยธรรมมีวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตโดยการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข      และมีความรับผิดชอบ มีการเรียนรู้และมีปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดการเรียนรู้        และแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตมีความพึงพอใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อ   โดยมุ่งเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง  ( Student - centered  )  บนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
( แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2555 – 2559 :  ฉบับที่ 11 )
                     คณิตศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งที่มีความสำคัญ     และเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการคิดต่างๆ อาทิเช่น     การคิดวิเคราะห์   การคิดไตร่ตรอง การคิดริเริ่มสร้างสรรค์     การคิดแก้ปัญหา   และการคิดอย่างมีวิสัยทัศน์   ถ้าทุกองค์กรเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาร่วมมือร่วมใจกันปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมทางด้านการเรียนการสอนแก่นักเรียนและเยาวชนให้เป็นผู้มีบุคลิกภาพที่แสดงว่านักเรียนคิดเป็น    ก็ย่อมจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน (  ทิศนา    แขมมณี. 2557  :   248-249  )         จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าบทบาทของครูยุคใหม่ไม่เพียงแต่เป็นผู้สอนแต่ต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆให้กับนักเรียนดังนั้นการพัฒนา การจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ   เพื่อเพิ่มทักษะต่างๆให้กับนักเรียนจึงเป็นหน้าที่หลักของครูทุกคนดังเช่นในปัจจุบันความต้องการทักษะใหม่ๆ ในศตวรรษที่   21    ซึ่งครูต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกและปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอน      จากการยึดครูเป็นศูนย์กลางคือครูเป็นผู้บรรยาย มาเป็นคณะครูร่วมกันออกแบบการจัดการเรียนการสอน    ให้นักเรียนใช้เป็นเครื่องมือไปเรียนรู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง  ซึ่งครูผู้อำนวยความสะดวก เสนอแนะเครื่องมือและการเข้าถึงองค์ความรู้ผ่านวิธีการต่างๆ       โดยเฉพาะผ่านเทคโนโลยี  ( Technology )       ให้เข้าถึงความรู้ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง นำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนในห้องเรียน       ซึ่งเรียกกระบวนการเรียนรู้แบบนี้ว่า   Active   Learning    โดยยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ( Student  -centered )   ซึ่งจะทำให้นักเรียนเกิดทักษะและการเรียนรู้ตลอดชีวิต  ตรงกับการเรียนรู้แบบ      3R  +  8C  + 2L      เป็นทักษะที่ต้องการในศตวรรษที่   21   
 (  วิจารณ์    พานิช.   2555 :  16-21 )       ได้กล่าวไว้ว่า
  3R  ได้แก่       Reading ( อ่านออก )   ,    ( W )Riting  ( เขียนได้ )  ,   ( A )Rithemetics ( คิดเลขเป็น  
  8C    ได้แก่
  Critical   Thinking  and  Problem Solving(ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา )   

  Creativity    and    Innovation   ( ทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม )
  Cross-cultural  Understanding ( ทักษะด้านความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ )
  Collaboration, Teamwork  and Leadership(ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ )
  Communications, Information, and  Media  Literacy(ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ)
  Computing  and  ICT  Literacy  ( ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร )
  Career  and  Learning   Skills ( ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ )
  Change  ( ทักษะการเปลี่ยนแปลง )          และ   2L    ได้แก่          Learning    Skills (  ทักษะการเรียนรู้  )
  และ    Leadership (  ภาวะผู้นำ  )
                    แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนข้างต้นต้องการให้นักเรียนมีทักษะ และมีกระบวนการคิดอย่างสมเหตุสมผลมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ แต่ ความจริงแล้วในปัจจุบันพบว่านักเรียนอ่อนคณิตศาสตร์มากในปัจจุบัน  โดยดูจากผลการประเมินการศึกษาระดับชาติพบว่านักเรียนมีผลการเรียนคณิตศาสตร์ต่ำทุกปีซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุดังต่อไปนี้             และได้สร้างนวัตกรรมโดยใช้โปรแกรม CAI 
มาใช้แก้ปัญหา ในข้อต่างๆ ตามหัวข้อที่ อธิบายไว้ด้านล่างนี้
 

 1.      เกี่ยวกับนักเรียน  ครูมีความเห็นในระดับมากกว่า   สาเหตุที่นักเรียนอ่อนคณิตศาสตร์เกิดจาก นักเรียนไม่ ชอบคิด       ไม่ชอบแก้ปัญหา      ขาดการฝึกฝนและทบทวนด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ       แต่นักเรียนมี  ความเห็นว่าสาเหตุดังกล่าวอยู่ในระดับปานกลาง
 2.  เกี่ยวกับผู้ปกครอง   ครูมีความเห็นในระดับมากกว่า   ผู้ปกครองมีการศึกษาน้อยและผู้ปกครองไม่สนับสนุน หรือเอาใจใส่ในการเรียนของนักเรียน   เป็นสาเหตุที่ทำให้นักเรียนอ่อนคณิตศาสตร์   แต่นักเรียนมีความเห็น
  ในข้อการศึกษาของผู้ปกครองว่าอยู่ในระดับปานกลาง   และเห็นว่าการที่ผู้ปกครองไม่สนับสนุนหรือเอาใจใส่การเรียนของนักเรียนเป็นสาเหตุในระดับน้อย
 3.  เกี่ยวกับหลักสูตร      ครูมีความเห็นในระดับมากกว่า   สาเหตุที่นักเรียนอ่อนคณิตศาสตร์อันเนื่องมาจาก  สื่อ การสอนและเครื่องอำนวยการสอนไม่เพียงพอ     แต่นักเรียนในระดับประถมศึกษามีความเห็นในสาเหตุดังกล่าวในระดับน้อย
  4.  เกี่ยวกับครูผู้สอน      นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษามีความเห็นในระดับมากกว่า     ในสาเหตุที่นักเรียนอ่อน คณิตศาสตร์เนื่องมาจากครู  ได้แก่  ครูสอนไม่ดี    อธิบายไม่รู้เรื่อง      ครูดุเจ้าอารมณ์    ครูไม่เข้มงวดในการทำการบ้าน    ครูสอนจริงจังบรรยากาศเครียดขาดอารมณ์ขัน  ครูไม่อดทนที่จะอธิบายให้นักเรียนเข้าใจ ครูไม่ใช้สื่อการสอนเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจ ครูให้นักเรียนอ่านเองสรุปเองแล้วมา
สอบ   วิธีสอนของครูไม่น่าสนใจ   ครูมีความรู้ไม่ดีขาดความมั่นใจตนเอง ครูไม่เปิดใจกว้างให้นักเรียนได้ตอบอย่างอิสระ  ครูไม่ จบสาขาวิชาคณิตศาสตร์โดยตรง    ครูมีภาระงานที่รับผิดชอบในโรงเรียนมากเกินไป  และนักเรียนในระดับประถมศึกษามีความเห็นว่าทุกข้อที่กล่าวมาปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง         (   สมวงษ์   แปลงประสพโชค   ,  เดช    บุญประจักษ์ และจรรยา    ภูอุดม.   2553 : 20 - 21  )           ดังนั้นปัญหาของนักเรียนที่มีผลการเรียน ในวิชาคณิตศาสตร์ต่ำอันหนึ่งสืบเนื่องมาจากการขาดทักษะในการคิดแก้ปัญหาที่ดี   ขาดกระบวนการในการแก้    ปัญหาที่ดีขาดความพึงพอใจที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ทำให้นักเรียนเจอปัญหาแล้วไม่มีความมั่นใจในตนเอง ที่จะคิดแก้ไขปัญหานั้นได้ การจัดการเรียนการสอนที่ดีมีรูปแบบของการคิดแก้ปัญหาจะส่งผลให้นักเรียนได้เกิด   ทักษะในการแก้ปัญหาและสร้างความพึงพอใจที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ได้อีกด้วย  ความสามารถในการคิดแก้   ปัญหาจึงมีความจำเป็นและเป็นพื้นฐานในการแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือการแก้ปัญหาใหม่ๆ   โดยจะมีขั้น   ตอน    หรือกระบวนการในการแก้ปัญหาให้บรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้   และนักเรียนจะได้ฝึกกระบวนการคิดแก้ปัญหาอยู่สม่ำเสมอ   และหลากหลายวิธี     โดยการจัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการคิด  แก้ปัญหาอีกทั้งยังควรฝึกให้นักเรียนมีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างมีเหตุผลซึ่ง    ความสามารถในการคิดแก้ ปัญหาของบุคคลจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะของสมอง    ประสบการณ์      ความสนใจ       สติปัญญา     ความพร้อม   แรงจูงใจ    อารมณ์     และสภาพแวดล้อม      ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้วนี้มีผลในด้านการสร้างให้นักเรียนได้เกิดความคิดและจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหา        ( สุคนธ์  และพรรณี   สินธพานนท์.  2551 )   ดังนั้นผู้วิจัยจึงเลือกการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ SSCS     ซึ่งเป็นกระบวนการคิดแก้ปัญหาอย่างมีเหตุและผลแยกประเด็นปัญหาและค้นหาข้อมูลจากโจทย์เหมาะกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21    ในเรื่องของการได้มาซึ่งคำตอบที่ต้องการโดยผ่านกระบวนการคิดอย่างสมเหตุและผลและยังได้ฝึกการวางแผนในการแก้ปัญหาจนถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลและวิธีการในการแก้ปัญหาการจัดการ เรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ  sscs    จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนที่ฝึกนักเรียนให้คิดแก้ปัญหาทางคณิตสาสตร์ได้อย่างเป็นระบบและทำให้ผลการเรียนคณิตศาสตร์ดีขึ้นได้ โดยให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แสดงออกทางความคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับข้อมูล  และวิธีแก้ปัญหาโจทย์ทาง คณิตศาสตร์ ส่งผลให้นักเรียนมีความพึงพอใจที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์และมีความต้องการที่จะเรียนเนื้อหาต่างๆ ในบทต่อๆไป   สิ่งต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นจะอยู่ในกระบวนการของการคิดแก้ปัญหาโดยใช้ รูปแบบ  SSCS  ในการจัดการเรียนการสอนในเรื่องเศษส่วนในวิชาคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5    
                                   
                     สรุปการนำ นวัตกรรม มาช่วยแก้ไข ปัญหาทางคณิตศาสตร์  ดังนี้
                    นวัตกรรมที่นำมาใช้แก้ปัญหา ใช้เป็นสื่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ชื่อ โปรแกรม CAI 
                    ดังมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
                      
                     1.   จัดทำรูปที่สวยงาม มีภาพเคลื่อนไหว ในโจทย์ ที่เป็นรูปเศษส่วน 
                            ( ใช้แก้ปัญหา ของข้อ 3)
                     2.   จัดทำเป็นข้อๆ  ให้เหมาะสมกับเวลาในการทดสอบนักเรียน 
                            ( ใช้แก้ปัญหา ของ ข้อ 1,2 )
                     3.    แต่ละข้อจะแบ่ง เป็น  ความรู้    ความเข้าใจ  และการคิดแก้ปัญหา โดยแต่ละข้อ
จะเปลี่ยนรูป ไปตามโจทย์ปัญหา  ( ใช้แก้ปัญหา ของ ข้อ 4 )
                     4.    เมื่อนักเรียนทำโจทย์ครบทุกข้อ สามารถตรวจสอบคำตอบด้วยตนเอง  ครูจะเป็นผู้แนะ  นำและเสริม ความรู้ให้ในส่วนที่นักเรียน ยังทำคะแนนได้ไม่ดี  ดูจาก ผลการออกแบบข้อ 3                       

( ใช้แก้ปัญหา ของข้อ 3)

                           ท่านใดสนใจสามารถเข้าดูรายละเอียด โปรแกรมCAI  ได้ที่คลังสื่อบทเรียน         
                           คอมพิวเตอร์ช่วยสอน    CAI : ONLINE    
                           ที่มา:         http://caistudio.into/

    อ้างอิง

   แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2555 – 2559 : ฉบับที่ 11
   หนังสือ ศาสตร์การสอน ( ทิศนาแขมมณี. 2557: 248-249  ) 

   หนังสือการสร้างการเรียนรู้สู่ศัตวรรษ ที่  21  ( วิจารณ์พานิช.2555 :16-21 )
   วารสารคณิตศาสตร์   (สมวงษ์ แปลงประสพโชค , เดช บุญประจักษ์
และจรรยา ภูอุดม. 2553 : 20 - 21)
    http://caistudio.into/     สืบค้น เมื่อ  วันที่  4  ธันวาคม  2558 

                      
 
                           








 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น